linkbucks.com

(*_*)

(*_*)

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

::ความเป็นจริงมี่แสนโหดร้ายเมื่อเทียบกับฝันที่ฉันเป็นเจ้าชาย::

   เมื่อพูดไปแล้วความจริงก็คือความจริงความฝันก็คือความฝันแต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าจะพูดถึงกันมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ "เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งที่เราเรียกว่าความฝันนั้นจะไม่มามีผลกระทบต่อโลกแห้งความเป็นจริง" ความฝันมีด้วยกันสองประเภท ประเภทแรกคือฝันยามนอนหลับ ประเภทที่สองคือฝันด้วยความสำนึกคิด ฝันสองประเภทนี่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงฝันยามนอนหลับเกิดจากกระบวนการทางเคมีในสมองที่ยังคงดำเนินงานสังการให้สมองยังทำงานในบางส่วนยามทที่เรานอนหลับจึงเกิดกลายเป็นฝัน แต่เนื่องจากความฝันนั้นเกิดจากสมองและการที่เรารู้สึกก็เกิดจารสมอง เช่่นเมื่อเราโดนมีดบาดเราไม่ได้เจ็บทันทีแต่สมองบอกว่าต้องเจ็บตรงนั้นเราจึงเจ็บตรงนั้นเช่นเดียวกันเมื่อยามที่เราฝันถ้าเกิดเราโดนมีดบาดในฝันนั้นคือสมองเรารับรู้ว่าเราโดนมีดบาดตามสัญชาตญาณแล้วสมองจะสังให้เราเจ็บไหม บางคนจึงมีทฏษฎีของการตกจากที่สูง กล่าวว่า "เมื่อเราเกิดอาการตกใจถึงขีดสุดในความฝันซึ่งเกิดจากสมอง หัวใจจะเต้นแรงทำให้เราตื่น" ทฏษฎีนี้ใช้ได้ผลทุกครั้งเมื่อมีการยกเรื่องแบบที่ผมกำลังพูดมานี้ขึ้นมาพูดกันแต่ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วคนที่เป็นโลกหัวใจละก็คงตายต้องแต่ฝันว่าโดนเมียจับได้ว่าแอบไปมีชูเพราะหัวใจของเขาคงเต้นแรงมากเลย ฝันแบบที่สองฝันด้วยความสำนึกคิดฝันนี้หมายถึงการที่คนๆหนึ่งมีความอยากได้อยากเป็นเช่นเด็กคนหนึ่งฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นตำรวจนี้คือฝันที่เกิดจากความสำนึกคิด บางคนบอกว่าก็เป็นเรื่องดีแล้วที่เด็กมันมีความฝันแต่หลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียวที่จะต้องมียวชนสังเวยชีวิตให้กับความฝันที่เกิดจากความสำนึกคิดของตัวเองหรือของคนที่คาดหวังในตัวเขาเช่นพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นนู้นเป็นนี้แล้วลูกก็เกิดความกดดันจึงแปรเปลี่ยนจากความฝันกลายเป็นการเอาตัวรอดสำหรับการมีชีวิตอยู่อย่างมีตัวตนในครอบครัวและสังคม อย่างไรก็ตามไม่ว่าความฝันแบบไหนก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียจึงอยากให้เก็บไปคิดดูว่าเราควรจะวางตัวอยางไรกับความฝันที่พุดเข้ามาในหัวเพราะความฝันไม่ได้เปลี่ยนตามใจเราเสมอไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม